• TH   EN
  • : Customer Service: 086-4551530 , 090-9944200____________________ Technical Support: 081-8185394, 02-9260145 (8 คู่สายอัตโนมัติ)
  • การดูแลบำรุงรักษาน้ำมันหล่อเย็นชนิดผสมน้ำ (WATER SOLUBLE FLUID MAINTENANCES)


    วัตถุประสงค์ในการดูแลบำรุงรักษาน้ำมันหล่อเย็น
    1) สามารถใช้น้ำมันหล่อเย็นที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมตลอดเวลา
    2) ทำให้การใช้งานของน้ำมันหล่อเย็นยาวนานขึ้น จึงสามารถยืดระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย
    3) ทำให้ชิ้นงานมีขนาดและคุณภาพเป็นไปตามที่กำหนดตลอดเวลา
    4) ทำให้อายุการใช้งานของมีดตัด (Tool life) เป็นไปตามที่กำหนด
    5) ป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจจะจะเกิดขึ้น เช่น การเกิดสนิมกับชิ้นงานหรือเครื่องจักร, การเน่าเสียก่อนระยะเวลาอันสมควร, การแพ้ของพนักงาน, ปัญหาเรื่องกลิ่นและละอองของน้ำมันหล่อเย็น

              การตรวจสอบและการดูแลคุณภาพของน้ำมันหล่อเย็นนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สภาพของน้ำมันหล่อเย็นควรได้รับการตรวจสอบและเฝ้าระวังปัญหา สิ่งที่ควรทำในการเฝ้าระวังได้แก่การตรวจสอบสภาพของระบบ, การตรวจวัดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการผสมน้ำมันหล่อเย็นดังต่อไปนี้
     

    1) การผสมน้ำมันหล่อเย็น (Mixing)
              พฤติกรรมการผสมน้ำมันหล่อเย็นนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญต่อประสิทธิภาพของการใช้งานและปริมาณการใช้ของน้ำมันหล่อเย็น ขั้นตอนการผสมน้ำมันหล่อเย็นที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ถูกต้องจะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานของน้ำมันลดลง และทำให้ต้องสูญเสียน้ำมันในการผสมมาก วิธีการผสมน้ำมันหล่อเย็นที่ดีที่สุดคือ การผสมน้ำมันหล่อเย็นในภาชนะภายนอกเครื่องจักร เพื่อให้น้ำมันหล่อเย็นผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกันมากที่สุดก่อนการเติมลงในเครื่องจักร

     
    หมายเหตุ การผสมน้ำมันหล่อเย็นและน้ำจะต้องผสมโดยการเทน้ำมันลงไปในน้ำอย่างช้าๆ และทำการกวนให้เข้ากัน ห้ามผสมโดยการเทน้ำลงไปผสมกับน้ำมันหล่อเย็น เพราะจะทำให้น้ำมันหล่อเย็นผสมน้ำได้ไม่ดีและรวมตัวกันเป็นก้อน หรือจะเกิดการแยกชั้นในระบบน้ำมันหล่อเย็น หรืออาจจะใช้วิธีการผสมน้ำมันหล่อเย็นโดยใช้เครื่องผสมอัตโนมัติ (Auto coolant mixer) เพื่อประสิทธิภาพในการผสมที่ดีกว่า
     
    2) คุณภาพของน้ำที่นำมาผสมน้ำมันหล่อเย็น (Water Quality)
    ความกระด้างของน้ำ (Water hardness) น้ำที่เหมาะสมต่อการผสมกับน้ำมันหล่อเย็นควรจะความกระด้างระหว่าง 80-125 ppm. ถ้าหากใช้น้ำที่มีความกระด้างต่ำกว่า 80 ppm จะมีแนวโน้มในการเกิดฟองมากและถ้าหากน้ำที่มีความกระด้างมาก (มากกว่า 300 ppm.) จะมีปริมาณของแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำมาก ซึ่งจะทำให้เกิดการแยกชั้นของน้ำมันหล่อเย็นหรือรวมตัวกันเป็นก้อนหากนำมาใช้ในการผสมน้ำมันหล่อเย็นหากมีปัญหาเรื่องน้ำกระด้าง  แนะนำให้ติดตั้งระบบกรอง หรือระบบทำน้ำ Deionized (DI) หรือ Reverse Osmosis (RO) เพื่อประสิทธิภาพการใช้งานของน้ำมันหล่อเย็นที่ดี
      คุณสมบัติของน้ำสำหรับผสมน้ำมันหล่อเย็นครั้งแรก (Initial Fluid Preparation)
    - ความกระด้าง(Hardness) 80-125 ppm
    - คลอไรด์, ซัลเฟต(Chloride ,Sulfates) < 50 ppm
    - ฟอสเฟต (Phosphates) < 30 ppm
     
    3) การตรวจสอบความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็น  (Fluid concentrations)
    การตรวจวัดความเข้มข้นโดยใช้กล้อง (Hand-Refractometer)
              กล้อง Refractometer เป็นเครื่องมือที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง ที่สามารถใช้วัดความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็น (% Brix) ได้อย่างรวดเร็ว และสามารถพกพาได้อย่างสะดวก ควรตรวจวัดความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นทุกวัน เนื่องจากความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นจะมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการใช้งานของน้ำมันหล่อเย็น ถ้าหากความเข้มข้นต่ำเกินไป จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการหล่อลื่นของน้ำมันหล่อเย็นลดลง ทำให้ผิวงานไม่ได้ตามค่าที่ควบคุม อายุการใช้งานของมีดตัดลดลง (Short Tool life) หรือแม้กระทั่งจะส่งผลต่อการเกิดสนิมบนชิ้นงานหรือภายในเครื่องจักร หรืออาจทำให้น้ำมันหล่อเย็นเน่าเสียก่อนกำหนด เนื่องจากการเกิดแบคทีเรีย แต่ถ้าหากความเข้มข้นของน้ำมันหล่อเย็นสูงเกินไปกว่าที่กำหนดก็จะมีผลเสียเช่นกัน เช่นเกิดความสิ้นเปลืองมาก อาจจะเป็นสาเหตุของการระคายเคืองหรือแพ้ กลิ่นแรง หรือ ทำให้เกิดฟองมากขณะเครื่องจักรกำลังทำงาน

     
    4) การวัดค่า pH ของน้ำมันหล่อเย็น
              ค่า pH คือการวัดสภาวะความเป็นกรด-ด่างของของเหลวค่า pH ของของเหลวเท่ากับ 7 จะมีสภาพกลาง ค่า pH สูงกว่า 7 ขึ้นไปถึง 14 จะเป็นของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (Alkaline) และค่า pH ต่ำกว่า 7 จัดเป็นของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นกรด ช่วงของค่า pH ที่เหมาะสมสำหรับน้ำมันหล่อเย็นประเภทผสมน้ำควรจะมีค่าอยู่ระหว่าง 8.5 – 9.5 หรือมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ ซึ่งจะเป็นช่วงที่น้ำมันหล่อเย็นมีประสิทธิภาพการชะล้างได้ดี ทั้งยังสามารถป้องกันการกัดกร่อน (Corrosion) ป้องกันการแพ้และการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และจุลินทรีย์อื่นๆ ได้ดี

              ในกรณีที่ค่า pH ต่ำกว่า 8.5 ประสิทธิภาพของน้ำมันหล่อเย็นจะลดลง และจะทำให้เกิดปัญหาสนิม และการเจริญเติมโตของจุลินทรีย์ในระบบได้อย่างรวดเร็ว และในกรณีที่ค่า pH สูงกว่า 9.5 อาจจะก่อให้เกิดปัญหาการต่อผิวหนังได้ เช่นการแพ้ หรือการกัดกร่อนกับโลหะนอกกลุ่มเหล็ก (Non-Ferrous Metals)เช่น อลูมิเนียมอัลลอยล์

              การวัดค่า pH สามารถทำได้โดยใช้กระดาษลิตมัส (Litmus paper) ซึ่งสามารถขอรับได้จากผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อเย็น หรืออาจหาซื้อได้ตามบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์การทดลองในห้องปฎิบัติการ ตัวอย่างของกระดาษทดสอบค่า pH แบบง่ายได้แสดงไว้ในภาพด้านล่าง หรือ อาจจะใช้พีเอชมิเตอร์ (pH Meters) ก็จะสามารถอ่านค่าได้ง่ายและมีความถูกต้องมากขึ้น การใช้กระดาษลิตมัสเป็นวิธีการตรวจสอบค่า pH ที่ทำได้ง่ายประหยัดและเป็นวิธีการตรวจเช็คค่า pH แบบคร่าว ๆ แต่ความถูกต้องอาจจะมีไม่มาก
     




    ตัวอย่างของกระดาษทดสอบค่า pH แบบง่ายได้ที่นิยมใช้วัดค่า pH ของน้ำมัน
    หล่อเย็นซึ่งสามารถวัดช่วง pH ระหว่าง 5-10

     

    5) การกำจัดสิ่งปนเปื้อนในระบบน้ำมันหล่อเย็น (Fluid concentrations)
    5.1) การกำจัดตะกอนจากฝุ่นผงโลหะจากระบบ  (Particulate removal)

              การสะสมตะกอนของฝุ่นโลหะหรือเศษกลึงในระบบจะทำให้ปริมาตรของถังพักน้ำมันหล่อเย็นมีขนาดลดลงจะมีผลต่อประสิทธิภาพการหล่อเย็นของน้ำมัน ทำให้สารเพิ่มคุณภาพเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดสภาวะที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานน้ำมันหล่อเย็น เช่น ส่งผลต่อคุณภาพของผิวชิ้นงาน เกิดรอยขูดขีด และอายุการใช้งานของน้ำมันหล่อเย็นสั้นลงเนื่องจากเกิดแบคทเรียควรมีการวางแผนการกำจัดเศษจากภายในถังพักระบบน้ำมันหล่อเย็นอย่างน้อย 6 เดือนครั้ง หรือเร็วกว่านี้ อาจจะใช้วิธีการดูดน้ำมันหล่อเย็นออกมาพักด้านนอกก่อนแล้วทำความสะอาดถังพัก แล้วใส่น้ำมันหล่อเย็นกลับเช่นเดิมหากสภาพน้ำมันหล่อเย็นยังดีอยู่ หรืออาจจะทำการเปลี่ยนถ่ายใหม่เลย ถ้าหากสภาพน้ำมันหล่อเย็นไม่ค่อยดีนัก


     
    5.2)การควบคุมคราบน้ำมัน (Tramp oil control)
              Tramp oils คือคราบน้ำมันที่เกิดจากน้ำมันไฮโดรลิค น้ำมันหล่อลื่นรางเลื่อน (Slideway oils) หรือน้ำมันหล่อลื่นชนิดอื่นๆ ของเครื่องจักรและคราบน้ำมันที่เคลือบมากับชิ้นงาน เช่นน้ำมันกันสนิม และมีการลงไปผสมกับน้ำมันหล่อเย็นในถังพัก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเน่าเสียก่อนกำหนดของน้ำมันหล่อเย็นเนื่องจาก Tramp oils จะลอยอยู่บนผิวหน้าของน้ำมันหล่อเย็น (Floatout) ตอนที่เครื่องจักรหยุดทำงาน และจะปกคลุมผิวหน้าทำให้ไม่มีให้มีการแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ ซึ่งจะทำให้แบคทีเรียสามารถเจริญเติมโตได้ดีในสภาวะไร้ออกซิเจน คราบน้ำมันเหล่านี้จะเป็นแหล่งอาหารอย่างดีของแบคทีเรียจึงส่งผลให้เกิดการเน่าเสียของน้ำมันหล่อเย็น การป้องกันการปนเปื้อนและการกำจัด Tramp oils จึงเป็นสิ่งที่ต้องมีการควบคุม วิธีการควบคุม Tramp oils ที่ดีที่สุดคือการป้องกันการปนเปื้อนของ Tramp oils การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive maintenance) โดยบำรุงรักษาเครื่องจักรให้อยู่ในสภาพดีตลอดเวลาเพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องจักร เพื่อป้องกันปัญหาการปนเปื้อนของ Tramp oils แต่หากต้องมีการกำจัด Tramp oils จากระบบน้ำมันหล่อเย็นสามารถทำโดยวิธีการดูดคราบน้ำมันที่ลอยที่ผิวบนของน้ำมันหล่อเย็นด้วยปั้มลม (Vacuum Pump) หรือใช้การกำจัดแบบต่อเนื่องโดยใช้อุปกรณ์แยก Tramp oils ก็ได้ เช่น Oil Skimmer แบบ Belt skimmer หรือ Disc skimmer และ Oil Separator
     



    ตัวอย่างของระบบน้ำมันหล่อเย็นที่มีการปนเปื้อนของ
    Tramp oils มาก



    ตัวอย่าง
    วิธีการกำจัดคราบน้ำมันปนเปื้อน(Tramp oil)